www.pplearning.com
แหล่งรวมหลักสูตร ความรู้ และเครื่องมือ สำหรับหัวหน้างานมืออาชีพ หัวหน้างานเชิงรุกขององค์กร อบรมแล้วใช้ได้จริง ประยุกต์สร้างผลงาน ให้องค์กรสำเร็จ ชีวิตมั่งคั่ง #pplearning
วันพุธที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2561
หัวหน้ากับการใช้หลักการจิตวิทยาเชิงบวกกับลูกน้องคิดเชิงลบ
หัวหน้ากับการใช้หลักการจิตวิทยาเชิงบวกกับลูกน้องคิดเชิงลบ
"จิตวิทยาเชิงบวก เป็นหลักการมองที่คุณค่าหรือเรื่องดีๆ
ดังนั้นจิตวิทยาเชิงบวกกับลูกน้อง
จึงต้องมุ่งเน้นมองหา ค้นหา ข้อดี หรือคุณค่าดีๆ ที่ลูกน้องเรามี แล้วนำมาพัฒนา"
มีคำถามว่า เราจะนำหลักการจิตยาเชิงบวกมาใช้กับลูกน้องที่คิดลบ หรือคิดแย่ได้อย่างไร?
คำตอบคือ ทำไม่ได้ หรือไม่มีวิธี (ไม่ได้กวนนะคะลองอ่านต่อ)
เมื่อเรามองว่าลูกน้องคิดลบ ลูกน้องแย่ ลูกน้องไม่มีความรับผิดชอบ…ถามว่าตอนนี้ใครคิดด้านลบ? คำตอบก็ชัดเจนว่าเราเลือกใช้มุมมองด้านลบ ด้านแย่ มองลูกน้องแล้วจะพบเจออะไรกันแน่ ก็เรื่องแย่แน่นอนจริงไหมคะ
หากเราจะเลือกใช้หลักการจิตวิทยาเชิงบวก เราต้องเลือกมุมมอง หรือเลือกแว่นตาที่เป็นด้านบวก หรือมีแต่คำว่าคุณค่า ข้อดี เพราะเราค้นหาเรื่องดีๆ ก็มีแต่เรื่องดีๆ ที่เราพบเจอ จริงไหมคะ ถ้าเริ่มต้นแบบนี้ก็คุยกันต่อได้
- จิตวิทยายุคเดิม เรามองคนที่ – พบแล้วชวนเขามาที่จุด 0 แล้วค่อยๆพาไปที่+
- จิตวิทยาเชิงบวกเป็นการเดินทางลัด คือเรามองเขาที่จุด 0 แล้วค่อยๆ ค้นไปที่+
เมื่อเห็นหลักการสองแบบนี้แล้วในฐานะหัวหน้างานที่ต้องพัฒนาคนให้เก่ง ฉลาด และมีผลงานนั้น คงตัดสินใจได้ว่าควรเลือกแบบไหน พร้อมกันกับวิธีการที่จะนำไปใช้กับทีมงานในแบบของคุณบ้างแล้วใช่ไหมคะ
ตัวอย่างเช่น
น้องชาคริต มีความสามารถในการสื่อสารสร้างสัมพันธ์ดีมาก แต่เขามักคิดไม่รอบคอบ รู้แล้วพูดเลยพูดตรง เพราะเชื่อมั่นว่าทุกคนเข้าใจเป้าหมายเดียวกัน
น้องชาคริตมีข้อดีหรือคุณค่าอะไร?
ตอบ จริงใจ สื่อสารดี มีความเชื่อใจในทีม มั่นใจในตัวเอง
เห็นแบบนี้แล้ว เราจะมีวิธีในการพูดคุยและพัฒนาน้องชาคริตได้ดีมากขึ้น เพราะเราเริ่มจากสิ่งที่เขามีแล้วพัฒนาให้เขาดีในแบบของเขาและสอดคล้องกับนโยบายองค์กร
หากเรามองว่าเขาคิดไม่รอบคอบ ไม่รักษาน้ำใจเพื่อน แค่เราก็เริ่มต้นจากติดลบ (-) ถามจริงๆ ว่าเราอยากคุยกับน้องเขาไหม หรือจะคุยด้วยน้ำเสียงและอารมณ์แบบไหนกัน
หัวหน้างานเชิงรุก ยุค 4.0 จะสนุกในการพัฒนาคน เพียงสนใจจุดแข็ง ข้อดี หรือคุณค่าที่ลูกน้องมีแล้วจะเกิดอะไรขึ้นมากมาย อย่างน้อยก็ช่วยร่นเวลาในการพูดคุย ลดปัญหาลงได้มาก และสำคัญคือพลังในการสร้างสรรค์งานจะมีประสิทธิภาพ ด้วยเทคนิคการเดินข้ามจุดลบ (-) ได้ด้วยตัวเอง คุณจะสามารถพัฒนาตัวเองไปได้ก้าวไกล ว่องไว มีประสิทธิภาพ พร้อมกันนั้นคุณก็ยังสามารถสร้างบล็อกหรือแบบในการผลิตคนได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีคุณภาพ วิ่งสู่เส้นชัยได้อย่างมหัศจรรย์
สรุปคือ
เรามองหาสิ่งใดก็ได้สิ่งนั้น
เราเป็นเช่นไรจะดึงดูดคนแบบนั้น
คุณค่าที่คุณคู่ควรกับลูกน้องที่ควรคู่คุณ…คุณสามารถกำหนดได้ด้วยหลักการจิตวิทยาเชิงบวก
อาจารย์สุณิชชา ชอบชัย
วิทยากร ที่ปรึกษา และโค้ชพัฒนาศักยภาพ
www.pplearning.com
ปั้นลูกน้องให้ (ทีม) เวิร์ค สำหรับหัวหน้างานเชิงรุก ยุค 4.0
หัวหน้างานเชิงรุก ยุค 4.0
พอพูดถึงยุค 4G หรือยุค 4.0 ที่เราได้ยินกันว่าต้องมีการปรับตัว สิ่งที่เกิดขึ้นคือแล้วแบบไหนกันที่เรียกว่าเป็นยุค 4.0?
เพราะคนส่วนใหญ่ฟังแล้วจับประเด็นสั้นๆว่า “ทำน้อยได้มาก” หรือ “มุ่งเน้นใช้เทคโนโลยีในการทำงาน”
วันนี้อยากชวนคุยในมุมของหัวหน้างานว่า
“หัวหน้างานที่เก่งมอบหมายและติดตามงานควรเป็นอย่างไร?”
“หัวหน้างานในดวงใจผู้บริหารและลูกน้องควรมีคุณสมบัติอะไรบ้าง?”
หัวหน้างานคุณภาพควรมีรับผิดชอบในการบริหารจัดการความท้าทายในเป้าหมายที่เพิ่มขึ้นทุกปี พร้อมทั้งสามารถพัฒนาทีมงานให้เติบโตได้อย่างมีคุณภาพ นั่นหมายความว่าหัวหน้าที่ดีต้องมีความสามารถในการมอบหมาย
และติดตามงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วย 4 เทคนิคดังนี้
และติดตามงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วย 4 เทคนิคดังนี้
1 สื่อสารสร้างสัมพันธ์ (Communication & Connection)
เข้าใจลูกน้องในแบบที่เขาเป็น แล้วสื่อสารในแบบที่ลูกน้องอยากได้ยิน ทำให้เกิดความไว้วางใจ และเชื่อมั่นในตัวหัวหน้างานด้วยความรู้สึกแท้จริง
เพราะลูกน้องสัมผัสได้ถึงเจตนาดีผ่านการสื่อสาร
เพราะลูกน้องสัมผัสได้ถึงเจตนาดีผ่านการสื่อสาร
2 สนับสนุนลูกน้องอย่างจริงใจ
เป็นหัวหน้าที่ยืนเคียงข้างน้องในทุกสถานการณ์ พร้อมเปิดใจรับฟังความคิดเห็นในการทำงานหรือพัฒนาระบบงาน ยึดการเรียนรู้ไปพร้อมกัน
สิ่งที่ลูกน้องได้รับคือกระบวนการคิดที่เป็นระบบ และกรอบความคิดในการทำงานเชิงรุก
สิ่งที่ลูกน้องได้รับคือกระบวนการคิดที่เป็นระบบ และกรอบความคิดในการทำงานเชิงรุก
3 เป็นผู้นำเคียงยืนข้างทีมงานในสถานการณ์ที่มีปัญหา
เพราะภาวะวิกฤติทางจิตใจของทีมงานคือการเผชิญปัญหานั่นเอง หากลูกน้องหันมาเจอหัวหน้างานยืนเคียงข้างในการแก้ไขปัญหาจึงเกิดความอบอุ่น
และมั่นใจในการแก้ไขปัญหาได้มากขึ้น พร้อมเรียนรู้ประสบการณ์ตรงจากหัวหน้าในขณะที่ต้องการเรียนรู้แท้จริง
และมั่นใจในการแก้ไขปัญหาได้มากขึ้น พร้อมเรียนรู้ประสบการณ์ตรงจากหัวหน้าในขณะที่ต้องการเรียนรู้แท้จริง
4 มุ่งมั่นในการเป็นตัวอย่างที่ดี
เพราะลูกน้องเป็นกระจกสะท้อนของหัวหน้า ดังนั้นรูปแบบการทำงาน การมอบหมาย และติดตามงานจะมีประสิทธิภาพนั้นมิใช่เพียงแค่ขั้นตอน
การถาม-ตอบ ติดตามกันในวันที่ต้องการผลงาน แต่หัวใจสำคัญคือการเป็นตัวอย่างที่ดี หากหัวหน้ามีรูปแบบการทำงานร่วมกันกับทีมงานที่เป็นมาตรฐาน
การมอบหมายและติดตามงานของทีมงานจะกลายเป็นวัฒนธรรมที่ยอดเยี่ยมของทีมงาน
การถาม-ตอบ ติดตามกันในวันที่ต้องการผลงาน แต่หัวใจสำคัญคือการเป็นตัวอย่างที่ดี หากหัวหน้ามีรูปแบบการทำงานร่วมกันกับทีมงานที่เป็นมาตรฐาน
การมอบหมายและติดตามงานของทีมงานจะกลายเป็นวัฒนธรรมที่ยอดเยี่ยมของทีมงาน
ดังนั้น หัวหน้างานยุค 4.0 ในแบบคุณสามารถพัฒนาเทคนิคได้อย่างสอดคล้องกับทีมงานด้วยหลักการทางจิตวิทยาเชิงบวก (Positive Psychology) คือการให้ความสำคัญกับคุณค่าของตัวเองและทีมงานเพื่อผสานใจกันสร้างคุณค่า
ให้องค์กรและสังคมได้อย่างสมดุล ด้วยการเริ่มต้นที่การเปลี่ยนแปลงตัวเองก่อนเสมอ จึงทำให้เกิดกระบวนการพัฒนารูปแบบการมอบหมายและติดตามงานอย่างเป็นมาตรฐานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง
ให้องค์กรและสังคมได้อย่างสมดุล ด้วยการเริ่มต้นที่การเปลี่ยนแปลงตัวเองก่อนเสมอ จึงทำให้เกิดกระบวนการพัฒนารูปแบบการมอบหมายและติดตามงานอย่างเป็นมาตรฐานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง
หากเราสามารถสร้างระบบแบบนี้ได้จะเกิดอะไรขึ้นกับคำว่า “หัวหน้างานยุค 4.0”
ทิ้งไว้ให้ชวนคิดกันค่ะ
อาจารย์สุณิชชา ชอบชัย
www.pplearning.com
www.sunitcha.com
ทำอย่างไรจะพบพนักงานเก่งๆ #Talent ในองค์กร (หัวหน้างานเชิงรุก)
ทำอย่างไรจะพบพนักงานเก่งๆ #Talent ในองค์กร
คนที่อยู่ในส่วนงานบริหารหรือพัฒนาคนคงผ่านคำถามนี้กันบ่อยครั้ง ทั้งจากตัวเองและคนรอบข้าง
คำตอบคือ :
1. วางระบบซิ
2. จัดสอบซิ
3. ค้นหาซิ
4. คุยดูซิ
และสำคัญคือมันยาก ยากส์มากๆ
1. วางระบบซิ
2. จัดสอบซิ
3. ค้นหาซิ
4. คุยดูซิ
และสำคัญคือมันยาก ยากส์มากๆ
หากหันมาอยู่กับความจริงแล้วจะเห็นว่าไม่ได้ยากหรือง่ายจนเกินไป และสำคัญไม่จำเป็นต้องเป็นระบบหรือองค์กรใหญ่เลย
ด้วย 4 ประการดังนี้
ด้วย 4 ประการดังนี้
1. กำหนดเกณฑ์ คำว่า "คนเก่ง(Talent)" ก่อนว่าเป็นอย่างไร?
เช่น มีน้ำใจ /ใฝ่เรียนรู้ / รู้หน้าที่ / มีทัศนคติที่ดี / มีความรับ
ผิดชอบ / มีเหตุผล / รักองค์กรฯลฯ
2. สังเกตุจากการที่มีวิกฤติหรืองานพิเศษ ประชุมหรือมอบหมายงานแล้วดูอาการของพนักงาน?
3. พิจารณาจากผลงานปกติ และพิเศษ
4. รักษาคนเก่งและคนดีอย่างยุติธรรม
เช่น มีน้ำใจ /ใฝ่เรียนรู้ / รู้หน้าที่ / มีทัศนคติที่ดี / มีความรับ
ผิดชอบ / มีเหตุผล / รักองค์กรฯลฯ
2. สังเกตุจากการที่มีวิกฤติหรืองานพิเศษ ประชุมหรือมอบหมายงานแล้วดูอาการของพนักงาน?
3. พิจารณาจากผลงานปกติ และพิเศษ
4. รักษาคนเก่งและคนดีอย่างยุติธรรม
เพียงเท่านี้ก็ไม่ยากสำหรับการค้นหา พัฒนา และรักษาคนเก่งคนดีให้อยู่กับองค์กรกันแบบง่ายๆ ที่สามารถทำให้กันได้โดยไม่ต้องลงระบบด้วยมูลค่ามากมาย
ลิ้งค์เวบไซต์สำหรับการติดตามเรา
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)